วันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2555

10 อันดับทะเลที่สวยในประเทศไทย

อันดับ 1 อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน

ขอบคุณภาพจาก https://www.google.com/search?q=%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%99&rls=com.microsoft:th:IE-Address&ie=UTF-8&oe=UTF-8&sourceid=ie7

ลำดับที่ 2 อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์


https://www.google.com/search?q=%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B9%8C&hl=th&rls=com.microsoft:th:IE-Address&prmd=imvns&tbm=isch&tbo=u&source=univ&sa=X&ei=NNtfUKKgGIXIrQfH0YHAAQ&sqi=2&ved=0CCYQsAQ&biw=1440&bih=662

อันดับที่ 3 เกาะตาชัย


ขอบคุณภาพจาก
https://www.google.com/search?hl=th&rls=com.microsoft:th:IE-Address&q=%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%A2&bav=on.2,or.r_gc.r_pw.r_cp.r_qf.&biw=1440&bih=662&wrapid=tlif134845941770211&ie=UTF-8&sa=N&tab=iw&ei=mttfULvbAYayrAeMjICADw

อันดับที่ 4 อุทยานแห่งชาติตะรุเตา



https://www.google.com/search?q=%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B2&hl=th&rls=com.microsoft:th:IE-Address&prmd=imvns&tbm=isch&tbo=u&source=univ&sa=X&ei=9NxfUMDUDYPirAfBoYDQDA&sqi=2&ved=0CCYQsAQ&biw=1440&bih=662

อันดับที่ 5 อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตนธารา-หมุ่เกาะพีพี



ขอบคุณภาพจาก
https://www.google.com/search?hl=th&rls=com.microsoft:th:IE-Address&q=%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B5%E0%B8%9E%E0%B8%B5&bav=on.2,or.r_gc.r_pw.r_cp.r_qf.&biw=1440&bih=662&wrapid=tlif134846019864511&ie=UTF-8&sa=N&tab=iw&ei=p95fUOTBBYfyrQegyIEg


อันดับที่ 6 เกาะราชา



ขอบคุณภาพจากhttps://www.google.com/search?q=%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B2&hl=th&rls=com.microsoft:th:IE-Address&prmd=imvns&tbm=isch&tbo=u&source=univ&sa=X&ei=d99fUNf_H46PrgeQtIHgBA&ved=0CD4QsAQ&biw=1440&bih=662


อันดับที่ 7 ทะเลแหวก เกาะห้องไร่เลย์




ขอบคุนภาพจาก https://www.google.com/search?hl=th&rls=com.microsoft:th:IE-Address&q=%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%20%E0%B9%84%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%A2%E0%B9%8C&bav=on.2,or.r_gc.r_pw.r_cp.r_qf.&biw=1440&bih=662&wrapid=tlif134846059531121&ie=UTF-8&sa=N&tab=iw&ei=NOBfUMLuB4TprAethIHADw

อันดับที่ 8 เกาะไข่นอก

ขอบคุณภาพจาก https://www.google.com/search?q=%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%81&hl=th&rls=com.microsoft:th:IE-Address&prmd=imvns&biw=1440&bih=662&ie=UTF-8&sa=N&tab=iw&ei=v-BfUJHSJI-zrAfXw4D4Aw

อันดับที่ 9 เกาะหมาก



ขอบคุณภาพจาก
https://www.google.com/search?q=%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%81&hl=th&rls=com.microsoft:th:IE-Address&prmd=imvns&biw=1440&bih=662&ie=UTF-8&sa=N&tab=iw&ei=beFfUOCHOM-trAeTpIH4Dg

อันดับที่ 10 เกาะกูด อ่าวไทย



 ขอบคุณภาพจาก
https://www.google.com/search?q=%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B9%E0%B8%94&hl=th&rls=com.microsoft:th:IE-Address&prmd=imvns&tbm=isch&tbo=u&source=univ&sa=X&ei=ruFfUO7yDoi8rAesrYDABg&ved=0CD0QsAQ&biw=1440&bih=662











วันอาทิตย์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

รอบรู้รอบทะเล

 1. แสงแดด    
      

  ให้คุณประโยชน์หลายอย่างต่อสุขภาพ ที่รู้จักกันดีก็คือเป็นแหล่งสำคัญของวิตามินดี ซึ่งช่วยสร้างความแข็งแรงให้กระดูกและฟัน ซึ่งเราจะได้รับวิตามินดีจากอาหารเพียงบางส่วนเท่านั้น ส่วนที่เหลือต้องมาจากแสงแดด
        ดังนั้น ให้ร่างกายได้อาบแสงแดดอุ่น ๆ ยามเช้า (ก่อน 9 โมงเช้า) หรือยามเย็น (หลังสี่โมงเย็น) สัก 10-15 นาที แต่การสัมผัสแสงแดดนอกเหนือเวลานั้น ต้องป้องกันด้วยการทาครีมกันแดด ใส่แว่นตากันแดดใส่เสื้อผ้าที่ปกป้องผิวกายให้มากที่สุด และอยู่ให้ห่างจากพระอาทิตย์ในช่วงที่รังสียูวีแรงที่สุด คือราว 10 โมงเช้าถึงสี่โมงเย็น
     2. น้ำทะเล      
       น้ำทะเลมีประโยชน์ต่อการรักษาสุขภาพ และพบว่าน้ำทะเลอุดมไปด้วยแร่ธาตุ และวิตามินมากมายที่ร่างกายต้องการ และปัจจุบันการเยียวยาสุขภาพในแบบที่เรียกว่า Thalassotherapy มีให้บริการมากมายในสปาในยุโรป  เพื่อได้ใช้ประโยชน์จากน้ำทะเลอย่างเต็มที่ สำหรับการรับประโยชน์จากน้ำทะเลโดยไม่ต้องเข้าสปาราคาแพง เพียงแค่แช่ตัวในน้ำทะเลก็ช่วยปรับสภาพผิวให้ดีขึ้นได้ เนื่องจากน้ำทะเลเป็นแอสตริงเจนต์ตามธรรมชาติ ช่วยสมานผิว บรรเทาอาการผิวหนังอักเสบ และทำให้แผลหายเร็ว
       อีกวิธีหนึ่งของการใช้ประโยชน์จากน้ำทะเลในการเยียวยาสุขภาพ ก็คือ การหายใจเอากลิ่นอายของน้ำทะเลเข้าไปในจมูก โดยใช้สองมือประสานกันวักน้ำทะเลขึ้นมาจ่อไว้ใต้จมูก และสูดหายใจเข้าลึก ๆ ซึ่งเชื่อกันว่าจะช่วยทำความสะอาดไซนัส และเปิดเส้นทางลมให้จมูกโล่งสบาย
   
    3. ทราย        
      ป็นสารขัดผิวตามธรรมชาติ มันจึงเป็นเครื่องมือในการทำความสะอาดผิวที่แสนวิเศษ ทำให้ผิวเปียกด้วยน้ำทะเล แล้วถูทรายบนผิวอย่างเบามือให้ทั่วเรือนร่าง คุณยังสามารถนำกลิ่นอาย และความรู้สึกของทะเลมาสร้างความรู้สึกสงบที่บ้านได้ ด้วยการใช้ทรายในการจัดสวนถาดแต่งบ้าน

     4. ฟองน้ำ    
       เป็นสัตว์ทะเลที่พบได้ในเขตน้ำอุ่น ซากแห้งของมันมีคุณสมบัติพิเศษในการอุ้มน้ำได้มาก และชาวกรีกก็ใช้มันในการอาบน้ำและขัดถูร่างกาย ฟองน้ำธรรมชาติจะเป็นสีน้ำตาลหรือเทาอ่อน ๆ และมีรูปร่างที่ไม่เหมือนกันเลย ฟองน้ำแห้งสามารถนำมาวางใส่ขวดโหลเพื่อตกแต่งห้องหรือห้องน้ำ และเมื่อชุบน้ำอีกครั้ง ก็สามารถใช้ในการทำความสะอาดและขัดผิวได้อย่างแสนวิเศษ

      5. ปะการัง     
      ศิลปะแห่งท้องทะเลนี้เป็นแรงบันดาลใจอันใหญ่หลวงสำหรับหลายคน ปะการังที่ถูกซัดขึ้นมาบนชายหาด จึงเป็นของแต่งบ้านแสนสวยที่ให้ความอิ่มเอมทางอารมณ์ นอกจากนี้ หินปะการังยังเป็นหินขัดผิวเท้าชั้นดี ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว และทำให้เลือดสูบฉีดและไหลเวียนมายังเท้า

     6. สาหร่ายทะเล    
        คุณประโยชน์อันโดดเด่นอย่างหนึ่งของสาหร่ายทะเล ที่ไม่มีพืชใดเหมือนก็คือ มันช่วยขับสารพิษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขจัดรังสีและโลหะหนัก เช่น แคดเมียม ที่ตกค้างอยู่ในร่างกายของเราออกไป รวมถึงสารพิษที่เกิดจากมลภาวะแวดล้อมอื่น ๆ ได้ดี

      7. เปลือกหอย   
      การได้ค้นหาและชื่นชมงานสร้างสวรรค์อันแสนวิเศษของธรรมชาตินี้ เป็นการใช้เวลาว่างอันแสนวิเศษของใครหลายคน ทำให้เราหลุดจากความหมกมุ่น และให้จิตใจได้โบยบินไปอย่างอิสระ มันยังเป็นของแต่งบ้านแสนสวย โดยเฉพาะในห้องน้ำ และเปลือกหอยยังใช้เป็นที่วางเทียน หรือธูปหอม เพื่อสร้างกลิ่นอายอันผ่อนคลายในบ้าน และให้บรรยากาศที่เป็นธรรมชาติ

      8. อากาศริมทะเล   
       การหายใจเอาอากาศสดชื่นริมทะเลเข้าไป ช่วยให้เราผ่อนคลายและรู้จักปล่อยวาง กลิ่นเค็มจาง ๆ ที่ปนอยู่ในอากาศทำให้เรารู้สึกรื่นรมย์ และมีชีวิตชีวาแฝงอยู่ที่ไม่อาจพบได้ในที่อื่นใด หายใจเข้าลึก ๆ แล้วความเครียดจะสลายไป และคุณจะหาวิธีรับมือกับความกดดันได้ดีขึ้น

      9. การออกกำลัง     
       
การเล่นโยคะหรือวิ่งบนชายหาด เป็นวิธีการอันแสนวิเศษในการรักษาสมรรถภาพร่างกาย และได้ประโยชน์จากกิจกรรมกลางแจ้งที่เราทำริมทะเลหน้าร้อน คุณควรออกกำลังตอนเช้าหรือบ่ายคล้อยจวนเย็น ซึ่งแดดไม่จัดเกินไป และควรดื่มน้ำเยอะ ๆ ก่อนและระหว่างการออกกำลัง รวมทั้งหลังการออกกำลัง เพื่อไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ

      10. คลายความเครียด   
        แสงอากาศ และคลื่น...ทุกสิ่งที่ริมทะเลล้วนเป็นยาชั้นดีในการผ่อนคลาย ลองใช้ประโยชน์จากสรรพสิ่งต่าง ๆ แห่งท้องทะเลที่แนะนำไว้ข้างต้น มันจะละลายความเครียดและนำคุณกลับสู่ธรรมชาติ ทิ้งแล็ปท็อปและโทรศัพท์มือถือเอาไว้ที่บ้าน และอยู่กับธรรมชาติให้มากที่สุดอย่างน้อยก็ปีละสักครั้งเถอะนะ

แหล่งที่มา

วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ประโยชน์ของน้ำทะเล

ประโยชน์ของน้ำทะเล
      1. มีอิทธิพลต่อลมฟ้าอากาศของโลก เพราะน้ำทะเลในทะเลและมหาสมุทร สามารถดูดและคายความร้อนได้ดีกว่าแผ่นดิน ทำให้เกิดเมฆ ฝน ลม และพายุ พัดพาเข้าสู่แผ่นดิน
      2.  น้ำทะเลมีเกลือแร่หลายชนิดละลายอยู่มาก จึงเป็นแหล่งกำเนิดของสัตว์น้ำนานาชนิดทั้งสัตว์เลี้ยงลูกด้วย ปลาหลากหลายชนิด เเละสัตว์น้ำในทะเล (ซึ่งเป็นปริมาณมากถึง ๘๐ % ของสัตว์น้ำ ทั้งหมดบนโลก)
      3. สามารถผลิตเกลือและสารเคมีหลายชนิด อาทิ เกลือแกงเกลือจืด
      4. อัญมณี เช่น ไข่มุก ได้มาจากหอยมุก ซึ่งอาศัยอยู่ ในน้ำทะเล
      5. น้ำทะเลใช้เป็นที่เล่นกีฬาทางน้ำ เช่น แล่นเรือใบ ว่ายน้ำ เล่นสกีน้ำและอื่น ๆ
แหล่งที่มา
http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=60edaf5e92dadaa8

สาเหตุการเค็มของน้ำทะเล

การที่ทะเลมีรสเค็ม เนื่องจากการรวมตัวของน้ำละลายเกลือแร่ ที่ถูกพัดพามาจากพื้นทวีป และใต้ทะเล โดยความเค็มของทะเลจะมีความคงที่ สาเหตุที่ความเค็มของน้ำทะเลไม่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลานั้น ก็เพราะในมหาสมุทรมีกระบวนการของธรรมชาติที่รักษาระดับความสมดุลของเกลือแร่ คือถ้าหากว่าธาตุชนิดใดมีในน้ำมากเกินกว่าปกติ ก็จะถูกกำจัดออกจากน้ำทะเล โดยการแยกตัวออกเป็นของแข็ง ในทางตรงกันข้าม ถ้ามีธาตุใดละลายน้ำน้อยเกินปกติ เกลือแร่ของธาตุนั้นในรูปของแข็ง ก็จะถูกละลายกลับสู่น้ำทะเล ดังนั้น ความเค็มของน้ำทะเลจึงคงที่มาหลายล้านปีแล้ว
น้ำทะเลเค็มเพราะมีเกลือหลายชนิดละลายอยู่ ที่สำคัญที่สุดได้แก่ เกลือแกง ซึ่งมีชื่อทางเคมีว่าโซเดียมคลอไรด์ หรือ มีสูตรเคมีว่า NaCl น้ำทะเล โดยเฉลี่ยแล้วมีเกลือร้อยละ 3.5 หรือน้ำทะเล 1 ลิตรจะมีเกลือละลายอยู่ประมาณ 30 กรัม ยิ่งไปกว่านั้น ทะเลในแผ่นดินใหญ่หรือทะเลปิด ซึ่งไม่เชื่อมต่อกับทะเลหรือมหาสมุทรทั่วไป เช่น ทะเลเมดิเตอเรเนียนหรือทะเลแดง เกลือละลายอยู่มากกว่าทะเลหรือมหาสมุทรทั่วไป

แหล่งทีมา

วันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

โครงการ IS


ใบงานที่  ……..
เรื่อง  “โครงการการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง”
Independent Study

ชื่อกลุ่ม  Number one                           ชั้น 4/8
สมาชิก       1)  นางสาว  ณิชกานต์  สุขนิล ม.4/8 เลขที่ 16
                    2)  นางส่าว  สลินทิพย์   อินทร์ประสิทธิ์ ม.4/8 เลขที่  43

1..ขั้นวางแผนการจัดทำโครงการ
เรื่อง  ทำไมน้ำทะเลจึงเค็ม ?
ผู้ร่วมโครงการ  (บุคคลอื่นๆที่ไม่ใช่สมาชิกกลุ่ม)
                                         
ที่ปรึกษาโครงการ   ครูอัจฉรา  สุขขีมนต์    
หลักการและเหตุผล     (ทำไมจึงสนใจทำเรื่องนี้)          
เพราะเกิดการสงสัยว่า  ทะเลที่เรานั้นชอบไปเที่ยวในวันหยุดน่าร้อนนั้น
เพราะเหตุใดจึงมีรสเค็ม และมีความแตกต่างกับน้ำธรรมดาทั่วไปอย่างไร
เราจึงอยากศึกษา ค้นคว้า เพื่อหาคำตอบ
วัตถุประสงค์โครงการ (ทำเพื่ออะไร)
เพื่อให้เกิดความรู้ และสามารถนำความรู้ไปบอกต่อ แก่ผู้ที่ยังไม่รู้ได้
ประเด็นปัญหา (คำถามที่ต้องการรู้)  
ทำไมน้ำทะเลถึงมีรสเค็มนะ ?

น้ำทะเลประกอบไปด้วยอะไร จึงทำให้มีความแตกต่าง จากน้ำทั่วไป ?
น้ำทะเลสามารถใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง ?

เป้าหมาย / สถานที่ดำเนินโครงการ (ทำที่ไหน) 

ระยะเวลา (ทำเมื่อใด)

งบประมาณ

ผลที่คาดว่าจะได้รับ (นำไปใช้ประโยชน์อย่างไร)
ได้รับความเข้าใจเกี่ยวกับสาเหตุการเค็มของน้ำทะเล

ได้รับรู้ถึงประโยชน์ของน้ำทะเล

แผนการปฏิบัติงาน/ขั้นตอนการปฏิบัติงาน ( ทำอย่างไร)
1  เริ่มจากการตั้งประเด็นคำถามที่อยากรู้
2 เริ่มค้นคว้าหาแหล่งที่ให้ศึกษา
3 เริ่มลงมือค้นหา ข้อมูล
4 รวบรวมข้อมูลแล้วจัดลงบล็อก
การประเมินผล 



2.ขั้นลงมือปฏิบัติ
บันทึกผลการปฏิบัติ
 (สิ่งที่ได้ค้นพบ)
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….................................. 
    เอกสารอ้างอิง

แนะนำสมาชิก

1) นางสาว ณิชกานต์ สุขนิล  ม. 4/8 เลขที่ 16
2)นางสาว สลินทิพย์  อินทร์ประสิทธิ์ ม. 4/8 เลขที่ 43
โรงเรียนตาคลีประชาสรรค์